top of page

กระเป๋าเดินทางของ "ฉัน" และ "เธอ"

  • Writer: 🌻
    🌻
  • Apr 28, 2023
  • 1 min read

Updated: May 1, 2023

“ทุกคนเดินเข้ามาในความสัมพันธ์พร้อมกับกระเป๋าเดินทางของตัวเอง เรามา unpack กระเป๋าไปด้วยกันไหม

มีไอเดียที่ว่า ‘Everyone comes with baggage’ หมายถึงว่า เราทุกคนมีบางสิ่งบางอย่างที่เราแบกติดตัวไปด้วยตลอด ไม่ว่าจะเป็น traumas ประสบการณ์ในอดีต ความเชื่อต่อตัวเองและคนรอบข้าง ความกลัว attachment styles จุดอ่อน ego เป็นต้น ลองนึกภาพว่าเราคือ “นักเดินทาง” เวลาที่เรายุ่งอยู่กับการเดินทาง ท่องเที่ยว เราก็มักจะรีบๆยัดสิ่งเหล่านี้ลงในกระเป๋า แล้วรีบเดินทางต่อ เราไม่ค่อยได้ใช้เวลาตรวจสอบของที่อยู่ในกระเป๋าว่ามีอะไรบ้าง อะไรที่จำเป็นและมีประโยชน์ อะไรที่ควรโยนทิ้ง อะไรที่ควรซ่อมแซม เราไม่เคยได้ใช้เวลาจัดกระเป๋าของเราเลย แล้วเราก็เดินทางย้าย destination ไปเรื่อยๆด้วยสัมภาระที่รกๆในกระเป๋า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ บางทีเราก็หาของที่จำเป็นไม่เจอ พอเจอของที่จำเป็น ก็พบว่ามันใช้งานไม่ได้แล้ว


ในชีวิตเราก็เหมือนกัน เวลาเราเข้าไปในความสัมพันธ์ เรานำสัมภาระเหล่านี้เข้าไปด้วยซึ่งเป็นสิ่งที่มีบทบาทในชีวิตคู่มากๆ ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ส่วนใหญ่มักจะเป็นสิ่งที่มาจากจิตใต้สำนึกของเรา เช่น attachment style ที่เรารับมาตั้งแต่วัยเด็ก เช่น ถ้าเราเป็น avoidant style (ผูกพันแบบหลีกเลี่ยง) เราก็อาจจะมีท่าทีที่ระวังมากในความสัมพันธ์ เว้นระยะ และต้องใช้เวลามากในการสร้างความสนิทสนมกับคนรัก จนบางครั้งอาจทำให้คนรักรู้สึกเหมือนว่าเราไม่แคร์ ไม่สนใจ แต่จริงๆแล้วเป็นเพราะสัมภาระที่เขาแบกเข้ามาในความสัมพันธ์ที่เป็นกลไกในการป้องกันตัวจากความเจ็บปวด ความเสียใจต่างหาก หรือคนที่มี disorganized style (ผูกพันแบบไร้รูปแบบ) ก็อาจจะแสดง “ความไม่แน่นอน” ในความสัมพันธ์ บางครั้งดูเหมือนอยากมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง สนิทสนม (intimate) แต่บางครั้งก็ดูเหมือนตีตัวออกห่างและคาดเดาไม่ได้ จนทำให้คนรักสับสนและเกิดปัญหาได้ แต่จริงๆแล้วมันมาจาก รูปแบบการสร้างความผูกพันที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา ที่บางครั้งชีวิตเขาก็ถูกขับเคลื่อนด้วย “ความกลัว” ที่จะผูกพัน เชื่อใจ หรือลึกซึ้งกับใคร แต่ลึกๆก็มีความต้องการและโหยหาที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับใครสักคน สมองของเขาคุ้นเคยกับการตีความความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ เลยทำให้เขาแสดงพฤติกรรมและนิสัยแบบนี้ออกมา


บางคนอาจจะเคยมีประสบการณ์ถูกนอกใจมาก่อน สมองเลย register ข้อมูลและประสบการณ์นี้ไปในจิตใต้สำนึก เมื่อเรามีความสัมพันธ์ครั้งต่อไป เราเลยจะแสดงความวิตกกังวล (anxiety) ได้ง่ายกว่าปกติ และถูกมองว่าเป็นคนขี้กังวล ขี้หึง หรือคิดมาก เพราะสมองตื่นตัวเพื่อจะปกป้องเราจากความเจ็บปวดที่เคยเจอ เหมือนกับถ้าเราเคยโดนหมากัดมาก่อน เราก็มักจะระวังตัวและตื่นตัวมากกว่าปกติ เวลาเจอหมา ถึงแม้ว่าจะเป็นหมาคนละตัวกับที่กัดเราและเป็นหมาที่เชื่องและน่ารักก็ตาม


แต่ข่าวดีคือ เราเลือกที่จะจัดสัมภาระในกระเป๋าใหม่ได้เสมอนะคะ สมองคุ้นเคยกับรูปแบบและวิธีคิดที่เขาคุ้นเคยที่ถูกสั่งการมาจากความคิดที่อยู่ใต้จิตสำนึก ถ้าเราอยากเปลี่ยนรูปแบบสมองใหม่ ก็ต้องรู้ทันว่าแต่ละพฤติกรรมถูกขับเคลื่อนด้วยความคิดในจิตใต้สำนึกอะไร และเปลี่ยนรูปแบบความคิดนั้นใหม่ เอาสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกขึ้นมาอยู่บนจิตสำนึก ทำความเข้าใจที่มาที่ไปของพฤติกรรมเรา และเปลี่ยนวิธีคิด วิธีคิดของเราจะมีผลกับการกระทำ และการกระทำที่ทำจนเป็นนิสัยจะสร้างผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงในชีวิตเรา


และเมื่อเราอยู่ในความสัมพันธ์ การทำความเข้าใจกับสัมภาระในกระเป๋าเดินทางของคนรักเราสำคัญมากๆกับการพัฒนาความสัมพันธ์ในระยะยาว มันจะทำให้เรามองเขาอย่างเข้าใจมากขึ้น และตัดสินเขาจากมุมมองของเราน้อยลง มันจะนำมาซึ่งความเข้าใจ ความเห็นใจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ความรักเพิ่มขึ้น เป็น cycle ของ healthy relationship


เริ่มจากการทำความเข้าใจสัมภาระในกระเป๋าของตัวเอง ใช้เวลาจัดระเบียบมัน ทำความเข้าใจว่ามันมีผลกับความสัมพันธ์อย่างไร และค่อยๆทำความเข้าใจสัมภาระในกระเป๋าของคนรักด้วย แต่การที่เราจะทำแบบนี้ได้ ต้องอาศัยความเชื่อใจ ความรัก ความสบายใจ ความรู้สึกปลอดภัย และการเปิดใจมากๆ เพราะฉะนั้น คำถามแรกที่เราอาจจะต้องหาคำตอบก่อนคือ เราอยากที่จะ unpack กระเป๋าไปกับใคร?


ขอให้ทุกคน enjoy กับการค้นหาและจัดระเบียบกระเป๋าเดินทางของตัวเอง และเจอคนที่เราอยากจะจัดกระเป๋าไปกับเขาในทุกๆวันนะคะ:)


รัก, แอม🌻

1 comentário


am.chontakarn
28 de abr. de 2023

Test🤍

Curtir
bottom of page